โลกหลังวิกฤติ Covid-19 จะเป็นอย่างไร? (ตอนที่ 2)

สำหรับตอนที่ 2 ของบทความนี้ ผมยังมีความสนุกสนานที่จะไปค้นต่อเนื่องว่าบรรดากูรูในวิชาชีพต่างๆ มองว่าโลก (ที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพของพวกเขา) หลังวิกฤติ Covid-19 อย่างไร? ทำให้เห็นประเด็นที่น่าสนใจของการเปลี่ยนแปลง สรุปได้ดังนี้

1) ลักษณะการอยู่อาศัยของผู้คนจาก “เมืองหลัก” ไปสู่ “เมืองรอง”

Times Square in New York, March 16, 2020. (AP/Seth Wenig)

บทความ “Cities after Coronavirus ; how Cpvid-19 could radically after urban life.” ของ Jack Shenker (The Guardian, 26 มีนาคม 2563) อธิบายไว้ว่า “เมือง” เป็นพัฒนาการที่มนุษย์สร้างขึ้น เนื่องจากต้องอยู่ร่วมกัน อยู่ใกล้ชิดกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน เมืองใหญ่ทุกวันนี้โตขึ้นมาก เพราะมีคนอพยพโยกย้ายเข้าสู่เมืองมากขึ้น แต่เหตุการณ์ Covid-19 ทำให้คนต้องอยู่ห่างๆ กัน ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ผู้คนอาจตัดสินใจย้ายไปสู่ “เมืองรอง” ซึ่งเล็กกว่ามากขึ้น เพื่อลดความแออัด และการทำงานที่บ้าน (Work From Home) แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันก็ยังทำได้เนื่องจากมีเทคโนโลยีช่วยได้ มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดหมู่บ้านใหม่ๆ เกิดขึ้นในเมืองรอง เกิดการยกระดับเส้นทางคมนาคมขนส่งขึ้นมาใหม่ในเมืองรอง ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของเส้นทางคมนาคมเดิมไปอย่างสิ้นเชิง

2) ลักษณะการออกแบบสถานที่ทำงานเพื่อรองรับ “Social Distancing”

[Photo: courtesy Cushman & Wakefield]

บทความ “10 ways Covid-19 could change office design.” ของ Harry Kretchmer (www.weforum.org, 20 เมษายน 2563) สรุปไว้ว่า เมื่อคนต้องกลับมาทำงานหลังการระบาดรุนแรงผ่านไป ความหวาดกลัวการแพร่เชื้อระหว่างกัน การต้องรักษาระยะห่างทางสังคมในที่ทำงาน จะมีความต้องการออกแบบที่ทำงาน ที่นั่งของพนักงานลักษณะใหม่ เช่น ในรูปแบบที่เรียกว่า “Six Feet Office” คืออกแบบให้ที่นั่งห่างกันประมาณ 6 ฟุต (หรือประมาณ 1.82 เมตร) ที่ต่อไปหลายๆ องค์กรอาจออกมาเป็นข้อกำหนดในการปรับปรุงพื้นที่สำนักงาน นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้ปูกระดาษบนพื้นโต๊ะทำงาน พอสิ้นวันก็ดึงออกไปทิ้งเพื่อลดการแพร่เชื้อ หรือรูปแบบการออกแบบที่ทำงานก่อนเกิด Covid-19 มีความนิยมแบบเปิดโล่งมากขึ้นก็จะหันมาปรับให้มีลักษณะปิดเพื่อป้องกันมากขึ้น (Closed – plan working) มีการเสนอให้ภายในที่ทำงานต้องเพิ่มสัญลักษณ์ (More signs) เพื่อเตือนและบอกการรักษาระยะห่างมากขึ้น รวมทั้งการมีป้ายกำหนดทิศทางเพื่อลดการเดินแบบสับสน ทำให้เกิดการชนและแพร่เชื้อได้ เป็นการออกแบบที่เรียกว่า “Contactless Pathways” ซึ่งต้องจัดให้มีเทคโนโลยีที่สนับสนุน อุปกรณ์ที่มีส่วนช่วยป้องกัน อากาศถ่ายเท และวิธีการทักทายแบบใหม่ๆ เป็นต้น

3) ลักษณะการช้อปปิ้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านของชำในยุค “Social Distancing”

(Image: Getty Images)

บทความของ Katie Jackson ที่ลงใน www.today.com เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 เรื่อง “8 ways Coronavirus may change how we shop at the grocery store forever.” สรุปประเด็นสำคัญของพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะซื้อสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันในยุค“Social Distancing” จะเปลี่ยนไปจากเดิมดังนี้

– ลูกค้าจะมีจำนวนครั้งมาที่ร้านน้อยลง (Shoppers will make fewer trips to the store) เพราะคนยังหวาดกลัวกับการแพร่ระบาดของเชื้อ จะลดจำนวนครั้งที่มาเท่าที่จำเป็น ซึ่งต่างจากเดิมแวะมาเมื่อใดก็ได้

ลูกค้าจะซื้อของทีละมากๆ เพื่อเก็บไว้ในตู้เย็นและครัวมากกว่าเดิม (People will stock up) เมื่อมาที่ร้านในจำนวนน้อยลง คนก็จะซื้อพวกอาหารและสินค้าจำเป็นคราวละมาก ๆ โดยอาจจะเก็บไว้ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนจะออกมาเติมอีกครั้ง

– ลูกค้าจะซื้ออย่างมีเหตุผลและแผนการมาขึ้น (Goodbye browsing, hello planning) ที่ผ่านมาการเดินในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีของมากมายก็เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง สามารถใช้เวลาค่อยๆ คิดได้ อาจเจอสินค้าบางอย่างที่ไม่ได้วางแผนมาก่อนว่าจะซื้อ แต่พบการส่งเสริมการตลาดที่เย้ายวนใจก็เกิดการซื้อเพิ่มได้ แต่ยุคต้องรักษาระยะห่าง ลูกค้าจะเริ่มวางแผนมากขึ้น มี Checklist ที่ทำให้พุ่งตรงไปยังชั้นที่ขายของนั้นโดยตรง

ลูกค้าจะใช้บริการส่งของถึงบ้านมากขึ้น (Curbside pick up and online orderling will be big) ลูกค้าอีกเป็นจำนวนมากจะยอมปรับพฤติกรรมสั่งของชำทาง online และให้มาส่งถึงบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการออกนอกบ้าน ทำให้ซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ หันมาพัฒนาและปรับปรุงบริการนี้

– ลูกค้าต้องการใช้บริการจุดชำระเงินและนำของกลับด้วยตนเองมากขึ้น และไม่สนใจจุดทดลองสินค้า (So long to samples and self-serve stations) เพื่อลดโอกาสสัมผัสเชื้อจากจุที่มีการให้ทดลองสินค้า หรือจุดชำระเงิน

– ลูกค้าจะนิยมสินค้าที่คงความสดไว้ได้นาน (Long lasting produce will be popular) ความต้องการสินค้า เช่น ผลไม้ประเภทเก็บรักษาไว้ได้นานจะมีมากขึ้น เพราะดีต่อสุขภาพ และสอกคล้องกับเวลาที่จะไม่ออกมา ช้อปปิ้งบ่อยๆ แล้ว

– ลูกค้าจะซื้อสินค้าประเภทอาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋องมากขึ้น (Frozen foods and canned foods will be favored) ซึ่งสัมพันธ์กับระยะเวลาที่อยู่บ้านนานขึ้น ประกอบกับสินค้าเหล่านี้ค่อนข้างมีน้ำหนัก จึง ต้องการซื้อในปริมาณมากๆ เพื่อเก็บไว้

– ลูกค้าจะหันมานิยมไปร้านค้าขนาดเล็กมากขึ้น (Smaller stores are making comeback) ร้านค้าของชำ ขนาดเล็กใกล้บ้านจะกลับมาเป็นที่นิยม เพราะถูกคาดหมายว่าผู้คนจะไม่เข้าไปแออัดและรอคิวการซื้อของ การ ชำระเงินเหมือนร้านใหญ่

ไม่น่าเชื่อว่าไวรัสตัวเล็กๆ นี้จะสามารถบังคับและเปลี่ยนชีวิตในอนาคตของมนุษยชาติได้มากขนาดนี้ ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะค้นหาต่อไปว่า อะไรและอย่างไรอีกที่ไวรัส Covid-19 จะเปลี่ยนแปลงชีวิต ธุรกิจ และสังคมของพวกเรา หากคุณผู้อ่านรู้สึกตื่นเต้นและสนุกไปกับผม ก็ติดตามต่อไปเรื่อยๆ นะครับ

อ่าน โลกหลังวิกฤติ Covid-19 จะเป็นอย่างไร? (ตอนที่ 1)

Facebook Comments
SHARE
Dr. Krisada Sektrakul
รองผู้จัดการ และหัวหน้าสายงานพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย.