หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “เป็นลูกจ้างคนอื่นเค้าเมื่อไหร่จะรวยซะที” อยากรวยก็ลาออกมาทำเองสิ !! ผมมองว่าจริงๆ แล้วมันก็แล้วแต่ความคิดและมุมมองของแต่ละคน เพราะคำว่ารวยของแต่ละคน มันคงไม่เท่ากัน
ทุกวันนี้ถ้าไปเดินตามแผงหนังสือ คุณจะเจอแต่หนังสือสร้างแรงบันดาลใจเต็มไปหมด ชี้ชวนให้คนลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจเอง บางคนที่เค้าเก่งและศึกษามาดีทำออกมาดีก็ได้ดีกันไป แต่การทำธุรกิจในปัจจุบันมันไม่ได้สวยหรู บางคนออกมาทำเองได้ไม่นานเงินเก็บที่สะสมไว้หายเกลี้ยงภายในไม่กี่เดือน ทำงานหนักยิ่งกว่าทำงานประจำ แถมไม่มีวันหยุด สุขภาพแย่กว่าเดิมซะอีก
อยากจะพูดถึงมุมมองอีกด้านหนึ่ง ว่าเหล่าคนที่ประสบความสำเร็จจากการทำงานเป็นลูกจ้างมืออาชีพ ว่าเขาทำกันอย่างไร ถึงได้ประสบความสำเร็จ “เป็นมนุษย์เงินเดือนก็รวยได้ “ แต่ต้องเป็นอย่างมืออาชีพ สรุปเป็น 3 ข้อหลักๆ ดังนี้
1. ต้องรู้จักออมก่อนใช้
มนุษย์เงินเดือนหลายคนมักจะใช้ก่อนแล้วค่อยออม ซึ่งก็นั่นหล่ะ พอนำเงินไปใช้แล้วก็ไม่เหลือให้ออมหรอกครับ มันจะมีค่าใช้จ่ายอะไรก็ไม่รู้เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็หมดซะแล้ว…ดังนั้น หากจะออมให้ถูกวิธีและให้มีประสิทธิภาพ คุณต้องออมก่อนใช้เท่านั้น !! โดยเมื่อเงินเดือนออก ให้แบ่งเข้าบัญชีเงินออมไว้ก่อนเลยสัก 10%-30% ขึ้นอยู่กับภาระและความสามารถในการออมของแต่ละคน
2. มีเป้าหมายในการทำงาน คิดเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ
มนุษย์เงินเดือนส่วนมากทำงานมาหลายปีแล้วไม่มีเงินเก็บซักที เพราะคิดแค่ทำงานทำหน้าที่ตัวเองแล้วก็จบ ไม่ได้ต่อยอดความคิดสร้างอะไรให้เกิดประโยชน์กับองค์กรหรือบริษัทนั้นๆ คุณก็จะอยู่ได้แค่นั้นไม่ก้าวหน้า เงินเดือนก็ขึ้นไม่เยอะ…ดังนั้นคุณต้องปรับทัศนคติตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง เช่น ผมจะเป็นหัวหน้าแผนกให้ได้ภายใน 5 ปี !! และในการทำงานคุณต้องคิดให้เหมือนเราเป็นเจ้าของเสียเอง ยิ่งคุณสามารถคิดได้ดี คิดได้ลึก มองขาดกว่าเจ้านายยิ่งดี เจ้านายหรือเจ้าของเค้าจะเชื่อใจและไว้วางใจในตัวคุณ แล้วรายได้หรือตำแหน่งมันจะตามมาเองนำเงินไป
3. ลงทุนให้เงินงอกเงย
การออมไว้ในบัญชีออมทรัพย์อยู่เฉยๆ ไม่เกิดผลดีแน่นอน แค่ต่อสู้อัตราเงินเฟ้อในทุกวันนี้ก็ไม่ไหวแล้วครับ…ดังนั้นคุณต้องนำเงินไปลงทุนให้เงินทำงานแทนเรา ศึกษาการลงทุนที่คุณถนัดและสามารถรับความเสี่ยงได้
แนะนำลงทุนในกองทุน หรือรับความเสี่ยงได้มากหน่อยก็ลงทุนในหุ้นปันผลที่มีผลประกอบการที่โดดเด่น คุณก็จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ก็ต้องศึกษาและทำความเข้าใจการลงทุนนั้นๆ ให้ดีเสียก่อน
และที่สำคัญก่อนจะนำเงินไปลงทุนคุณควรมีเงินเก็บเผื่อฉุกเฉิน 3-6 เท่าของรายจ่ายรายเดือนก่อน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุหรือลงทุนผิดพลาด จะได้มีเงินสำรองรองรับไว้ได้ครับ
ลองนำข้อคิดทั้ง 3 ข้อไปลองพิจารณาและปรับใช้ดูครับ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณจะรวยแค่ไหน ทัศนะคติสำคัญที่สุดครับ ถ้าเราเป็นลูกจ้างที่เป็นมืออาชีพได้ อีกไม่นานคุณก็สามารถที่จะออกจากการเป็นลูกจ้างและสามารถเป็นเจ้าของกิจการที่ดียิ่งกว่าตอนเป็นลูกจ้างได้แน่นอนครับ
ความสำเร็จมันไม่ได้มีสูตรตายตัว มันไม่ง่ายและก็ไม่ยาก หากคุณมีความพยายามมากพอ…
Facebook Comments