ดอกเบี้ยทบต้น สิ่งมหัศจรรย์ที่คนอยากรวยต้องรู้ ใครเรียนบริหารธุรกิจมายกมือขึ้น!
เชื่อว่าหากเป็นเด็กบริหารธุรกิจ หลายๆ คนคงรู้จักดอกเบี้ยทบต้นแล้วเป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณยังไม่รู้ แล้วอ่านมาเจอบทความนี้ คุณกำลังโชคดีหลายๆ เด้งเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าเรื่องดอกเบี้ยทบต้นเป็นเรื่องหนึ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้!
เคยได้ยินไหมคะว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ไม่มีทางรวย เพราะสิ่งที่เราขายคือเวลา เราขายเวลาแลกเงิน ในรูปแบบของเงินเดือน พอเรามีเวลาจำกัด รายได้ของเราก็จำกัดตาม แล้วอะไรละที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ อย่างเราสามารถรวยได้ บางคนบอกว่า ขายของออนไลน์สิ ไม่ใช่ค่ะเพราะนั้นเป็นแค่วิธีหาเงินเพิ่ม แต่ไม่ใช่วิธีรวย ยกเว้นว่าคุณจะทำร้านขายออนไลน์ที่วางระบบให้สามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองได้โดยที่คุณไม่ต้องเข้าไปทำ
เฉลยเลยแล้วกัน ตรงตามหัวข้อ ความลับก็คือความรู้เรื่องดอกเบี้ยทบต้น ควบคู่กับการลงทุนเพราะถ้าเรามีความรู้เรื่องดอกเบี้ยทบต้น นอกจากเราจะทำงานใช้เวลาแลกเงินแล้ว เรายังนำเงินที่ได้มาต่อยอด ใช้เงินทำงานให้เราได้อีกด้วย ซึ่งดอกเบี้ยทบต้นเนี่ย มีพลังที่รุนแรงมหาศาลมากๆ แม้แต่อัจฉริยะอย่างอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ยังยกให้ดอกเบี้ยทบต้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก
ดอกเบี้ยทบต้น
ดอกเบี้ยทบต้นคืออะไร อธิบายง่ายๆ สมมุติเรามีเงินลงทุน 100,000 บาทลงทุนได้ผลตอบแทบปีละ 10% ในปีถัดมาเรานำดอกเบี้ยมาลงทุนต่อ เราก็จะมีเงินลงทุน 110,000 บาท ซึ่งผลตอบแทนของปีที่ 2 ก็จะเป็น 11,000 บาท ในปีที่ 3 คุณก็จะมีเงินลงทุนเท่ากับ 100,000+10,000+11,000 = 121,000 ในปีถัดมาก็ทำเหมือนกัน
ซึ่งเราดอกเบี้ยก็จะทบไปเรื่อยๆ คอนเซ็ปต์นี้เรียกว่าดอกเบี้ยทบต้น
แล้วดอกเบี้ยทบต้นมันมหัศจรรย์อย่างไร
มีใครเคยได้ยิน “กฎ 72” บ้างหรือไม่ กฎนี้ใช้สำหรับคำนวณระยะเวลาผลตอบแทนของดอกเบี้ยทบต้นง่ายๆ โดยเอาเลข 72 เป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจำนวนปีที่จะทำให้เงินต้นเติบโตขึ้นหนึ่งเท่าตัว ยกตัวอย่างเช่น เรามีเงินต้น 100,000 บาท ปกติลงทุนได้ผลตอบแทนปีละ 10% เมื่อนำ 72 หาร 10 เท่ากับ 7.2 ปี
ดังนั้นถ้าลงทุนต่อเนื่อง 7.2 ปี จากเงิน 100,000 ก็จะกลายเป็น 200,000 บาท เพียง7.2ปี เงินต้นทบเป็น 2 เท่า ไม่น้อยเลยทีเดียว หากคุณมีเงินต้น 5 ล้าน 7 ปีผ่านไปก็จะมีมากถึง 10 ล้าน!
ตัวอย่างการคำนวณเงินออมโดยใช้สูตรดอกเบี้ยทบต้น
สำหรับในกรณีมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ หากมีเงินเก็บทุกสิ้นเดือน จำนวนเดือนละ 10,000 บาทแล้วนำไปลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมได้กำไรปีละ 10% โดยไม่ถอนเงินออกมาใช้เลย ลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ ผ่านไป 30 ปี คุณก็จะมีเงินก้อนประมาณ 22 ล้านบาทเลยทีเดียวค่ะ! หรือถ้าจะใช้ Excel คำนวณก็จะได้ตามนี้ค่ะ
(Time Value of Money หรือ TVM) ซึ่งในโปรแกรม Excel ก็มีฟังก์ชั่นนี้ให้ใช้เหมือนกัน ขออธิบายโดยใช้ฟังก์ชั่น FV หรือ มูลค่าเงินในอนาคต [=FV(rate,nper,pmt,pv,Type)] ใน Excel ดังนี้ค่ะ
FV คือ มูลค่าเงินในอนาคต
Rate คือ อัตราดอกเบี้ยต่อเดือน กองทุนได้กำไรปีละ10% ตกเดือนละ10/12 = 0.83%
Nper คือ จำนวนเดือน เราตั้งใจลงทุน 30 ปี หนึ่งปีมี 12 เดือน เท่ากับ 30*12 = 360
Pmt คือ มูลค่าเงินออมแต่ละเดือน ซึ่งก็คือ 10,000 บาท
PV คือ มูลค่าปัจจุบัน ซึ่งก็คือเงินออมที่มีอยู่ในปัจจุบัน = 0
Type คือ ใช้ 1 ถ้าเป็นการออมต้นงวด ใช้ 0 ถ้าเป็นการออมปลายงวด ซึ่งจากโจทย์เราได้เงินเดือนปลายเดือนแล้วจึงเก็บออม ดังนั้นเท่ากับ 0
หากไปคำนวณใน Excel ก็สามารถแทนสูตรได้ดังนี้ =FV(0.83%,360,10000,0,0) ก็สามารถคำนวณเงินออมในอนาตคของเราได้ง่าย ๆเลย
การลงทุน
อย่างไรก็ดี ปัจจัยในการลงทุนมี 3 อย่าง
1.จำนวนเงินลงทุนเริ่มต้น 2. ระยะเวลา 3. ความสามารถในการลงทุน
ซึ่งถ้าคุณมีทั้ง 3 อย่างที่ดี คุณก็มีโอกาสลงทุนได้ผลตอบแทนมหาศาล อย่างไรก็ดีในความเป็นจริง ยิ่งคุณมีเงินลงทุนเป็นจำนวนมากเท่าไร การลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงก็จะยากขึ้นเช่นกัน แต่สำหรับคนทำงานประจำบางครั้งอาจจะไม่มีความชำนาญหรือไม่มีเวลาศึกษา ดิฉันแนะนำว่าให้ลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ อย่าง SET50 Index ก็น่าลงทุนไม่น้อย (เฉลี่ย 5 ปีให้ผลตอบแทนปีละ 10% ข้อมูลจาก www.thaimutualfund.com) และอย่าลืมว่าจำนวนเงินลงทุนและระยะเวลาในการลงทุนก็สำคัญ ดังนั้นเราจึงควรรีบเก็บเงินและเริ่มลงทุนให้เร็วที่สุด