อยากลดภาระ “ยามเจ็บป่วย” จ่ายเอง vs ประกันสุขภาพจ่ายให้ แบบไหนคุ้มกว่ากัน?

เคยลองคิดไหมว่า…ในวันที่เราเจ็บป่วย อยากจะรับการรักษาแบบไหน?

หรือเคยลองคิดไหมว่า…ถ้าวันนึง เราเกิดเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมา ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่? ถึงจะเพียงพอ…ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

ซึ่งแน่นอน คงไม่มีใครอยากป่วย อยากนอนโรงพยาบาล ให้ลำบากกาย ลำบากใจแน่ๆ แต่ชีวิตคนเรา ก็คงไม่มีใครรู้ว่า เราจะเจ็บหรือจะป่วยตอนไหน?

วันนี้มาชวนคิดเรื่อง “การบริหารจัดการความเสี่ยง” ค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย จ่ายเอง vs ให้ประกันจ่ายให้ แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน?

ความเสี่ยงมีกี่แบบ? เราสามารถจัดการความเสี่ยงได้ยังไงบ้าง?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจ เรื่องของ การบริหารความเสี่ยงกันก่อน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ พร้อม 4 วิธีในการจัดการกับความเสี่ยง ดังนี้

1. ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความเสียหายน้อย

ความเสี่ยง ที่ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อย หรือโอกาสที่จะเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งมากนัก เราอาจจะรับไว้เอง (Accept) หรือ เลือกที่จะควบคุม (Control) ไว้เอง แต่ก็ต้องประเมินให้ดีว่า เวลาเกิดเหตุการณ์จริง เราสามารถรับมือกับความเสี่ยงนั้นได้อย่างแน่นอน

2. ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความเสียหายมาก

ความเสี่ยง จะที่ทำให้เกิดความเสียหายมาก และมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอแบบไม่คาดคิด อย่างนี้ เราต้องเลือกจัดการความเสี่ยง  ด้วยวิธีการโอนความเสี่ยง (Transfer) หรือต้องหลีกเลี่ยง (Avoid) ให้มากที่สุด

วิธีการจัดการกับความเสี่ยง ทั้ง 4 วิธีนี้ เป็นทางเลือกที่แต่ละคน จะพิจารณานำไปใช้ด้วยตัวเอง แต่สำหรับความเสี่ยง เรื่องสุขภาพและการเจ็บป่วย การเลือกใช้วิธีโอนความเสี่ยง (Transfer) เป็นทางเลือกที่เหมาะสม 

เพราะเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า ว่ามันจะเกิดเป็นปัญหาที่เล็กหรือใหญ่ในอนาคต การโอนความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่าย โดยการใช้ ประกันสุขภาพ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ตามหลักการวางแผนการเงิน เพื่อปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection) ของเราไว้นั่นเอง

ระหว่าง จ่ายเอง” vs “ประกันสุขภาพจ่ายให้แบบไหนคุ้มกว่ากัน?

เพราะความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่าเราจะดูแลสุขภาพตัวเองดีแค่ไหน เราก็ยังมีความเสี่ยงเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้เสมอ ทางเลือกในการทำประกันเพื่อ “ถ่ายโอนความเสี่ยง (Transfer) ให้บริษัทประกันดูแลค่าใช้จ่ายให้เราในยามเจ็บป่วย จึงเป็นทางเลือกที่จะทำให้เราจะไม่จนลง ไม่ต้องควักเงินเก็บที่สะสมมาหลายปี มาจ่ายค่ารักษาพยาบาล ในวันที่เราป่วยไม่สามารถทำงานได้

ยิ่งในปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ประสิทธิภาพของการรักษาก็เพิ่มขึ้น พร้อมกับค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้นตามไปด้วย ยุคสมัยนี้นอนโรงพยาบาล 1 ครั้ง ในโรงพยาบาลเอกชน ก็คงต้องเตรียมเงินหลักหมื่น เป็นอย่างน้อย

เพราะฉะนั้น ถ้าเลือกได้ การเตรียมความพร้อม ทำประกันสุขภาพไว้ก่อน ก็จะช่วยรองรับความเสี่ยง เรื่องภาระค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่ไม่คาดคิดในอนาคตได้ ทำให้เราและครอบครัว อุ่นใจในการใช้ชีวิตได้มากขึ้น

เลือก ประกันสุขภาพ” อย่างไรให้เหมาะกับเรา?

เลือกซื้อประกันสุขภาพทั้งที ก็ควรเลือกประกันที่เหมาะสมกับเรา ที่สามารถตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิต และให้สิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมจริงๆ อย่างประกันสุขภาพ “Signature Care” จาก ซิกน่า ที่จะเน้น การคุ้มครองทั้งการเจ็บป่วยจากโรคและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท เจ้าของธุรกิจ ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าผู้บริหาร เพื่อดูแลอนาคตหลังวัยทำงาน พร้อมต่อยอดการดูแลไปถึงสมาชิกในครอบครัว ภายใต้วงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ซิกน่ายังคุ้มครองค่ารักษาการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยวิธีสแกนต่าง ๆ อาทิเช่น การตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และการตรวจเพทสแกน (PET Scan) และการคุ้มครองครอบคลุมค่าผ่าตัด หรือค่าใช้จ่ายการดูแลแบบประคับประครองผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่บริษัทประกันอื่นมองข้าม หรืออาจจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มเติม

สิทธิประโยชน์ที่ ซิกน่า” โดดเด่นกว่า ประกันสุขภาพเจ้าอื่น ก็คือ
คุ้มครองค่ารักษาแบบผู้ป่วยนอก กรณีอุบัติเหตุภายใน 72 ชม.
ค่าห้อง ค่าอาหารสูงสุด 15,000 บาท/วัน
คุ้มครองมะเร็งทุกระยะ รวมถึงมะเร็งผิวหนัง

แถมยังสามารถทำเรื่องเคลม ตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ เช็คความคุ้มครองและค้นหาโรงพยาบาลในเครือข่ายของซิกน่า ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน “Cigna Anywhere” ได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถเช็คราคาเบี้ยประกัน ที่เหมาะสมกับตัวเอง ได้ที่นี่ : https://bit.ly/3cOs70p

Facebook Comments