หนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้ในช่วงหลายปีมานี้คือ Pet Humanization หรือการเลี้ยงสัตว์เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านและมีเวลาให้กับสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น จนหลายคนเปลี่ยนบทบาทจาก Pet Owner ที่เป็นเพียงเจ้าของสัตว์เลี้ยง สู่การเป็น Pet Parent ที่ทำหน้าที่เสมือนพ่อแม่ผู้ปกครอง ดูแลและเอาใจใส่ ‘น้อง’ ไม่ต่างจากลูกคนหนึ่งเลยทีเดียว
แล้วในมุมของการลงทุน มีหุ้นอะไรบ้างที่จะสามารถเติบโตไปกับเทรนด์เหล่านี้?
เร็ว ๆ นี้ กำลังจะมีหุ้นน้องใหม่ที่ทำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคือ บมจ. เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ AAI ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกรายใหญ่ของไทย และถือเป็นบริษัท Flagship ในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ในกลุ่ม บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง ทูน่า และอาหารสัตว์น้ำ
AAI เป็นหนึ่งในผู้รับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก โดยอยู่ในอุตสาหกรรมมานานกว่า 15 ปี จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั้งเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์และผู้บริโภคในระดับสากล ปัจจุบัน AAI มีผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 3กลุ่มหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) สำหรับสุนัขและแมว ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ที่ได้จากการแปรรูปปลาทูน่า
บริษัทฯ มีฐานการผลิต 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกที่จังหวัดสมุทรสาคร และโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดที่ดำเนินงานโดยกิจการร่วมค้า ซึ่งตั้งอยู่ที่มณฑลซานตง ประเทศจีน โดยในอนาคต AAI ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกในประเทศไทยอีกประมาณ 40,000 ตัน เพื่อรองรับแผนการเติบโตของลูกค้าในปัจจุบัน และเพิ่มโอกาสให้บริษัทฯ สามารถหาลูกค้ารายใหม่ได้อีกด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ต้นปี 2566
ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของแทบทุกธุรกิจ แต่ AAI ยังสามารถสร้างผลประกอบที่เติบโต ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร โดยเฉพาะกำไรสุทธิที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สูงถึง 95% ต่อปี ในช่วงปี 2562-2564 สอดคล้องกับภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย Fortune Business Insights คาดการณ์ว่า แนวโน้มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกจะมีการเติบโตปีละ 5% จนถึงปี 2572 จากความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญ Pet Parent ยังต้องการให้สัตว์เลี้ยงได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความสะดวกในการให้อาหารควบคู่กันไปด้วย
สำหรับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัขและแมว จะเป็นการแข่งขันในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก เพราะส่วนใหญ่ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้จะส่งออกให้กับลูกค้าในต่างประเทศเป็นหลัก เช่นเดียวกับ AAI ที่มีรายได้จากการขายในต่างประเทศประมาณ 90-94% ของรายได้จากการขายรวม โดยประเทศไทยถือเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัขและแมวที่ใหญ่ในอันดับ Top3 ของโลก จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เป็นสินค้าส่งออกดาวรุ่งก็ว่าได้
เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปพร้อมกับภาพรวมตลาดและเทรนด์ Pet Humanization บริษัทฯ จึงมีกลยุทธ์ขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการพัฒนาแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงของตนเอง ให้มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุก Market Segment และครบทุกประเภท ทั้งอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด และขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ AAI ยังเน้นกลยุทธ์ยกระดับสถานะ จากที่ส่วนใหญ่บริษัทรับผลิตในรูปแบบ OEM หรือเป็นผู้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Co-developer) กลายเป็นคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว
ปัจจุบัน AAI อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าการเข้า IPO ของ AAI ในครั้งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งสีสันของแวดวงตลาดทุนไทย และเป็นหุ้นน้องใหม่ที่อยู่ในเทรนด์ที่กำลังมาแรงอย่างแท้จริง …
โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AAI ได้ที่ https://asianalliance.co.th/
References :
– แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
Facebook Comments